2551-07-06

ตัดผมสั้นให้เข้ากับใบหน้า




ช่วงนี้ใครอยากเปลี่ยนทรงผมเป็นผมสั้น วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีตัดผมสั้นให้เข้ากับใบหน้ามาฝากกัน...
- ใบหน้าเหลี่ยม ผมตัดซอยไม่สั้นมาก ความยาวระดับไหล่ เป็นทรงที่เหมาะมากที่สุด ซึ่งจะช่วยอำพรางรูปหน้าให้เรียวขึ้น แต่ถ้าอยากตัดผมหน้าม้า, ซอยสั้นมาก ๆ หรือดัดเป็นลอนคลื่น ขอบอกว่าหยุดความคิดนั้นเสีย เพราะทรงผมดังกล่าวจะไปเน้นบริเวณกรามให้เห็นเด่นชัด
- ใบหน้ากลม เพื่อลดความกลมของใบหน้า ทรงผมที่เข้าที่สุดคือ ผมที่ตัดสั้นแค่ระดับแนวขากรรไกร ซึ่งไม่ควรที่จะสั้นกว่านั้น เพราะผมที่สั้นมากจะเน้นความกลมของใบหน้า แต่ว่าไว้ยาวกว่านั้นได้ จะตัดเป็นบ๊อบปล่อยข้าง แสกกลาง ทรงหน้าม้าปอยตรงกลาง หรือตัดผมให้เป็นมุมแหลมด้านหน้าก็เก๋ไปอีกแบบหนึ่ง
- ใบหน้ายาว ผมสั้นที่เหมาะกับรูปหน้าคือผมซอยด้านหน้าเป็นเลเยอร์หรือไล่ระดับถึงบริเวณคาง ผมบ๊อบซอยไล่ระดับ ก็เป็นอีกทรงที่เหมาะกับคนหน้ายาวทั้งหลาย เพราะจะช่วยทำให้ใบหน้าดูอิ่มขึ้น
- ใบหน้ารูปหัวใจ จะมีส่วนบริเวณหน้าผากและแก้มกว้าง ส่วนขากรรไกร ปลายคางค่อนข้างแหลมและแคบ ดังนั้นเพื่ออำพรางบริเวณดังกล่าว ให้ตัดผมม้าตรงตามแนวหน้าผาก ส่วนบริเวณด้านหลังจะตัดบ๊อบแนวตรง, สไลด์สั้นความยาวบริเวณบ่า
- ใบหน้ารูปไข่ เป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด คนที่มีใบหน้าลักษณะนี้ถือว่าโชคดีมากจะตัดผมทรงไหนก็ได้ทั้งนั้น สกินเฮด, บ๊อบ, สไลด์ ได้หมดทุกทรง

2551-07-05

แปรงสีฟันที่ดี คุณมีหรือยัง

แปรงสีฟันนี่ถือว่าเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้เลย ต่อให้ตื่นสายแค่ไหน น้ำไม่อาบไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องขอให้แปรงฟันก่อน (เอ่อ .... ยกเว้นบางคนนะนะ) เพราะฉะนั้นการเลือกแปรงสีฟันก็สำคัญมากทีเดียวเรามีวิธีดี ๆ มาแนะนำเพื่อน ๆ ที่นี่ เวลาเลือกซื้อแปรงสีฟันกันด้วยล่ะ ก่อนอื่นเลยก็ต้องดูที่ขนแปรงว่านุ่มหรือไม่ เพราะว่าขนแปรงที่นุ่มและทำจากไนลอนจะไม่ทำร้ายเหงือกของเราขณะแปรง แถมยังใช้ทนอีกด้วย
จากนั้นก็ต้องเลือกขนาดที่พอดีกับช่องปากของเรา อย่าให้เล็กเกินไปเดี๋ยวจะทำความสะอาดไม่ทั้วถึง อย่าใหญ่เกินไปเดี๋ยวจะทำความสะอาดลำบาก แปรงสีฟันแบบธรรมดาก็เพียงพอแล้วสำหรับการแปรงฟันโดยทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับแปรงสีฟันไฟฟ้านั้น จะเหมาะกับคนที่จัดฟันมากกว่า
และเพื่ออนามัยที่ดีควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ สามเดือน หรือเมื่อแปรงสีฟันเริ่มหมดสภาพก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว อ่อ .....สำหรับคนที่มีอาการอักเสบในช่องปาก เมื่อหายแล้วควรเปลี่ยนแปรงทันที เพราะว่าเชื้อแบคทรีเรียในปากและน้ำลายตอนที่คุณยังอักเสบอยู่อาจจะหลงเหลืออยู่ได้
สำหรับการทำความสะอาดแปรงสีฟันด้วยวิธีง่าย ๆ นั้นแค่เพื่อน ๆ เทน้ำยาฆ่าเชื้อโรคผสมกับน้ำจากนั้นนำแปรงสีฟัน (ส่วนหัว) จุ่มลงไปแช่ทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งขึ้นน้ำแปรงสีฟันล้างน้ำให้สะอาดก็จะสามารถกำจัดเชื้อแบคทรีเรียที่แอบอยู่ในแปรงสีฟันได้ค่ะ
อย่าลืมดูแลสุขภาพอนามัยในช่องปากนะคะ เพราะว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะลำบากมาก ๆ ไหนจะต้องมานั่งเจ็บปวดกับอาการที่เกิด ไหนจะกินอะไร ๆ ก็ไม่ได้อีก ลำบากมาก ๆ ค่ะ เพื่อเป็นการป้องกันก็ต้องดูแลรักษากันเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ นะคะ

2551-07-04

เรื่องน่าอายที่ผู้หญิง “ต้องรู้”

ช่วยด้วยฉันมีกลิ่นเหม็น

เธอคนนั้นสวย สูง สง่า แต่...ปากเหม็น เท้าอับฉุ่ย รวมกลิ่นสุดๆ ชนิดร้อยลี้ยังแรง จบค่ะ ยังไงก็ตายกลางฟลอร์กลิ่นปากนั้น ถ้าฟันผุหรือทอนซินอักเสบก็เป็นได้ ส่วนกลิ่นตัว กลิ่นเท้าเกิดจาก ต่อมเหงื่อที่ขยันขับเหงื่อเกินไปและเกิดการสะสมของแบคทีเรีย เวิร์คที่สุดสำหรับสาวๆ คือพกน้ำยาบ้วนปากเป็นนิจ หมั่นแปรงฟัน ตรวจสุขภาพฟัน และเลี่ยงอาหารรสจัด กลิ่นแรงอย่าง ทุเรียน สะตอ กระเทียม และแนะนำให้ใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อรา สวมเสื้อสบายๆ รักษาความสะอาดให้สมเป็นผู้หญิงสวยกันหน่อย และก็ช่วยขยันดูแลรองเท้า ถุงเท้าให้ใหม่ สะอาดเสมอ
พวกขี้เล็บดำๆ ก็แงะๆ ออกเสียบ้างไม่ใช่สักแต่ทาเล็บแดง ม่วง เขียวปิด ยังไงกลิ่นมันก็รอดออกมาได้นะจ๊ะ และเดี๋ยวนี้เค้าก็มีสเปรย์ น้ำหอมขายกันเกลื่อนเมือง จะเพิ่มแป้งลดเหงื่อเท้าก็มี ซื้อมาใช้เถอะอย่างกเลยอายเขา แล้วพวกเบนซอย เพอริออกไซด์ ก็ช่วยลดแบคทีเรียที่เท้า

2551-07-03

100 ข้อคิดสั้นๆ แต่โดน...






1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา


2. เชื่อมั่นตัวเอง


3. อย่ามองคนที่หน้าตา


4. กล้าคิด พูด และทำ


5. เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น


6. และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย


7. อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด


8. ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ


9. เปิดใจให้กว้าง


10. มองการณ์ไกล


11. วางแผนอนาคต


12. อย่าโทษตัวเอง


13. มีความรับผิดชอบ


14. ตอบแทนเมื่อได้รับ


15. ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้และไม่มี


16. อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด


17. คิดถึงส่วนรวมให้มาก


18. ดูแลตัวเองให้เป็น


19. รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี


20. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า


21. อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียไปแล้ว


22. จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร


23. ที่ทำอยู่มีผลดี ผลเสีย มีประโยชน์ หรือไร้ประโยชน์


24. อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก


25. ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น


26. อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตนเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน


27. คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร


28. ได้หน้าอย่าลืมหลัง


29. คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึก แต่จงวางแผนที่จะดูแลมันไม่ให้เสีย


30. อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ


31. อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง


32. รู้จักแบ่งเวลา และหน้าที่


33. ทำประโยขน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง


34. อย่าเห็นแก่ตัว


35. อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง


36. อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้


37. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง


38. เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้


39. อย่าคิดว่าเขาไม่โทร.มา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทร.ไป


40. จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าเป็นฝ่ายรับ


41. ดูแลบิดามารดาให้ดี คุณมีโอกาส รีบทำซะก่อนที่จะไม่มี


42. อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา แต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้


43. คำพูดเมื่อพูดไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับมาได้ ดังนั้น คิด ก่อนพูด


44. อย่าทุ่มเทในสิ่งที่ไร้ประโยชน์


45. คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด


46. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วไม่สามารถเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้


47. หาจุดหมายให้กับชีวิต


48. เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น


49. ถ้างง เขียนหนังสือได้ แต่เขียนให้เป็นภาษา


50. วันๆ หนึ่งคุณทำอะไรบ้าง ที่ไม่ใช่ กิน นอน เล่น


51. ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ


52. เพื่อนคุณก็เช่นกัน อย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล


53. ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง


54. คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณไม่สามารถซื้อเวลาได้


55. ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ถ้ามีกลับไปหาซะ


56. ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ทำอะไรซะบ้าง


57. อย่ากล่าวคำขอโทษบ่อย มีอะไรดีๆ ตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามไปขอโทษ


58. ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ


59. ตอนนี้คุณกำลังสบายอยู่ แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ หมดประโยชน์แล้วหรือ


60. ไม่ใช่ แล้วไง ต้องให้บอกต่อมั้ย


61. ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของคนอื่น


62. ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้ จงจำไว้ว่าคุนเป็นมนุษย์ และยังมีชีวิตอยู่


63. ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง


64. ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกเขาว่ารักก็เพียงพอแล้ว


65. อย่ารอให้ถึงวันกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน


66. ไม่มีกฏหมายข้อใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา


67. ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆ มีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีมั้ย หรือดูที่ราคาขนม


68. เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋ แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆ ได้ตลอดชีวิต


69. อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใคร อย่างน้อยๆ ถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีคนพิมพ์คนนี้อีกคน


70. อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนโชคดีที่สุด


71. อย่าพูดว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอก ถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน


72. เหนื่อยนักก้อหยุดพักซะบ้าง


73. อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคม เพราะคุณก็เป็นคน เพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง


74. ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปอยู่ในตัวคุณ


75. คุณมองเพชรที่ความงามภายใน หรือที่ป้ายราคาภายนอก


76. ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน


77. มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือ ลองค้นคว้าดูจะรู้


78. ลูกธนูที่ถูกปล่อยจากหน้าไม้ อันตรายน้อยกว่าหอกที่เเทงมาจากข้างหลัง


79. การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด


80. ทำยังไง ต้องให้ขโมยขึ้นบ้านก่อน ถึงไปดูรั้วบ้านใช่มั้ย


81. ทำใจกับสิ่งต่างๆ ล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี


82. จะยกตัวอย่าง สมมติคนที่คุนรักจากไปตอนนี้ คุนคิดว่า คุนทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง


83. อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่


84. คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คุนไปร้องไห้ข้างโลงศพ ยังไงเขาก้อไม่ฟื้นมาได้ยินหรอกนะ


85. ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้หรือเปล่า


86. หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากมายที่คุณยังไม่รู้


87. ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิต


88. การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะ ที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก


89. หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง อดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้


90. ลองทำอะไรบ้าๆ บ้างก้อดี อย่ายึดติดนักเลย


91. ผู้พิมพ์ไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้ แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี


92. สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆ ไปในชีวิตหรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูเเลตรงนั้นบ้างก้อดี


93. อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก้อดี


94. อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว


95. ยาเสพติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด


96. อย่าทำตามเพื่อนเพราะเพื่อนทำกันหมด ร่างกายเขาต่างกับร่างกายเรา แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน


97. ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงยังไงก็คือผู้หญิง


98. บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป


99. ไม่มีมิตรถาวรและศัตรูที่เเท้จริง


100. จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรา รัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

2551-07-02

มองโลกให้ชีวิตสดใส



สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ โลกมีแง่มุมมากมายให้มองแต่อยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหน แค่มองเห็นว่า....

* คนทุกคนมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆเสมอ


* ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ แต่ทุกปัญหาแก้ไขได้


* สิ่งร้ายๆ จะมาพร้อมกับสิ่งดีๆเสมอ


* ความมืดในเวลากลางคืนมีแต่ 12 ชั่วโมง


* หลังฝนตกหนักแล้วฟ้าจะปลอดโปร่ง


* ของบางอย่างไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา แต่ชีวิตเป็นของเรา


* ถนนบางสายไกลหน่อย แต่ก็ยังมีวันถึง* ฝันร้ายก็เป็นแค่ความฝัน


* อุปสรรคทำให้ชีวิตมีสีสัน


* ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง


* ทุกอย่างมีระยะเวลาของมัน


* การร้องไห้ทำให้ดวงตาใสขึ้น


* ตัวเรายังไม่ได้อย่างใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร


* เมื่อมาถึงจุดที่หนักที่สุดแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างจะผ่อนคลายลงเรื่อยๆ


* มีไม่มากแต่ก็มีพอ


* ไม่มีเงินแต่ยังมีแรง


* ความอ้วนทำให้ใบหน้าอิ่มเอิบ


* ความผอมทำให้เสื้อผ้าดูดี


* ถ้าวิ่ง ก็ถึงที่เร็วขึ้น


* ถ้าค่อยๆ เดินก็จะไม่เหนื่อย

2551-07-01

ง่ายๆ 9 ข้อ สมองดีไม่มีเดี้ยง

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2. กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ (ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิดระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรม เราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้นทั้งสองอย่างจึงเป็นเ สมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อยๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกหายใจลึกๆ สมองใช้ออกชิเจน 20-25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20%